เมนู

พรรคพวกมาก บัดนี้ มีญาติน้อย มีสมัครพรรคพวกน้อย พวก
ข้าพระองค์ นั่งประชุมสนทนากันดังนี้. พระศาสดาทรงปรารภ
สูตรนี้ว่า ก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเสื่อมนี้มีประมาณน้อย ดังนี้
ในเมื่อเกิดเรื่องนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อปฺปมตฺติกา ได้แก่น้อย คือ มี
ประมาณน้อย. จริงอยู่ ด้วยความเสื่อมนี้ ท่านกล่าวคำมีอาทิว่า
ความเสื่อมจากสวรรค์ หรือจากมรรคย่อมไม่มี นั้นเป็นเพียงความ
เสื่อมในปัจจุบันเท่านั้น. บทว่า เอตํ ปติกิฏฺฐํ ความว่า นี้เป็นของ
ที่เลวร้าย นี้เป็นของต่ำทราม. บทว่า ยทิทํ ปญฺญาปริหานิ ความว่า
ความเสื่อมแห่งกัมมัสสกตปัญญา ฌานปัญญา วิปัสสนาปัญญา
มรรคปัญญา และ ผลปัญญา ในศาสนาของเรา เป็นความเสื่อม
ที่เลวร้าย เป็นความเสื่อมที่ต่ำทราม เป็นความเสื่อมที่ควรละทิ้งเสีย.
จบ อรรถกถาสูตรที่ 6

อรรถกถาสูตรที่ 7



ในสูตรที่ 7 ท่านกล่าวไว้แล้ว ในเหตุเกิดเรื่องเหมือนกัน.
ได้ยินว่า บรรดา ภิกษุสงฆ์ ผู้นั่งประชุมกันในโรงธรรม บางพวก
กล่าวอย่างนี้ว่า ตระกูลชื่อโน้น เมื่อก่อนมีญาติน้อย พวกน้อย บัดนี้
ตระกูลนั้น มีญาติมาก มีพวกมาก หมายเอาตระกูลนั้น จึงกล่าว
อย่างนี้แล. คือ หมายถึงนางวิสาขาอุบาสิกา และเจ้าลิจฉวีใน
กรุงเวสาลี. พระศาสดา ทรงทราบวาระจิตของภิกษุเหล่านั้น จึง

เสด็จมาโดยนัยก่อนนั่นแล ประทับนั่งบนธรรมาสน์ ตรัสถามว่า
ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร ? ภิกษุเหล่านั้น
กราบทูลให้ทรงทราบตามความเป็นจริงแล้ว. พระศาสดาทรงเริ่ม
พระสูตรนี้เพื่อเหตุเกิดเรื่องนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อปฺปมตฺติกา ความว่า ชื่อว่าน้อย
เพราะไม่มีผู้อาศัยสมบัตินั้นแล้ว ถึงสวรรค์หรือมรรคได้. บทว่า
ยทิทํ ปญฺญาวุฑฺฒิ ได้แก่ความเจริญแห่งกัมมัสสกตปัญญาเป็นต้น.
บทว่า ตสฺมา ความว่า เพราะชื่อว่าความเจริญแห่งญาติเป็นเพียง
ปัจจุบันเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่สามารถให้ถึงสวรรค์ หรือมรรคได้.
บทว่า ปญฺญาวุฑฺฒิยา ได้แก่ ด้วยความเจริญแห่งปัญญา มีกัมมัสสกต-
ปัญญาเป็นต้น.
จบ อรรถกถาสูตรที่ 7

อรรถกถาสูตรที่ 8



สูตรที่ 8

ท่านกล่าวไว้ในเหตุเกิดเรื่องเหมือนกัน. ได้ยินว่า
ภิกษุมากรูป นั่งประชุมกันในโรงธรรม ปรารภบุตรของเศรษฐี
ผู้มีทรัพย์มากกล่าวว่า ตระกูลชื่อโน้น เมื่อก่อนมีโภคะมาก มีเงิน
และทองมาก บัดนี้ตระกูลนั้นกลับมีโภคะน้อย. พระศาสดาเสด็จ
มาโดยนัยก่อนนั่นแหละ ทรงสดับคำของภิกษุเหล่านั้นแล้ว จึงทรง
เริ่มพระสูตรนี้.
จบ อรรถกถาสูตรที่ 8